กติกาปิงปอง ความรู้ที่มาประวัติ

กติกาปิงปอง ความรู้ที่มาประวัติ

กีฬาเทเบิลเทนนิส หรือที่เรียกกันว่า “กีฬาปิงปอง” ถือว่าเป็นกีฬาที่เล่นค่อนข้างง่ายดายเมื่อเทียบกับกีฬาชนิดอื่นๆ พบว่ามีความนิยมค่อนข้างสูงมากทีเดียว โดยเฉพาะบริเวณแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งรวมไปถึงประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าอาจยังไม่ถึงขั้นนิยมแพร่หลายเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็ตาม ทราบมาว่าปัจจุบันถูกบรรจุลงไปในรายการแข่งขันสำคัญๆ มากมายนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าบรรดาเหล่าผู้เล่นทั่วโลกต่างลงชิงชัยในสังเวียนการแข่งขัน ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นของประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ โดยทางทีมงานจะพามารู้จัก กติกาปิงปอง ประวัติกัน

เมื่อประมาณ 131 ปีที่ผ่านมา กีฬาปิงปองได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายในสหราชอาณาจักรหรือประเทศอังกฤษ โดยภายในยุคนั้นยังไม่ได้มีอุปกรณ์ครบครันเหมือนปัจจุบัน แต่จะใช้วัสดุต่างๆ มาประยุกต์เข้ากันจนกลายเป็นอุปกรณ์แข่งขันในที่สุด สำหรับคนไทยจะค่อนข้างนิยมเรียกกีฬาชนิดนี้ว่า “ปิงปอง” เนื่องจากขณะกำลังตีโต้กันจะมีเสียงคล้ายกับคำว่า “ปิกป๊อก” จึงไม่แปลกหากจะเรียกชื่อนี้กันอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอเคยมีประสบการณ์ในการเล่นปิงปองมาบ้างแล้ว วันนี้ทางเราจะพาทุกคนมาทบทวนกติกาอีกครั้งไปพร้อมกันภายในบทความนี้ เพื่อให้สามารถทราบถึงกติกาอย่างถูกต้อง และนำไปปรับใช้ได้ในอนาคต

กติกาการแข่งขันกีฬาปิงปอง

สำหรับการเริ่มต้นเสิร์ฟลูก ทางผู้เล่นจะต้องโยนลูกด้วยความสูงไม่ต่ำกว่า 16 เซนติเมตร โดยจะต้องเล็งทิศทางอย่างแม่นยำไปยังฝ่ายตรงข้าม หลังจากส่งลูกไปยังอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องเตรียมตัวในการตั้งรับเป็นอย่างดี เมื่อลูกปิงปองกระเด็นเข้ามากระทบในเขตแดนแล้ว ต้องตีกลับคืนไปภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หากผู้เล่นรับลูกพลาดจะต้องเสียคะแนนให้กับฝ่ายเสิร์ฟ ส่วนกรณีที่ลูกเสิร์ฟติดตาข่าย หรืออาจจะกระทบกับตาข่ายก่อนจะเข้าไปสู่เขตแดนของคู่แข่ง ทางกรรมการจะตัดสินให้เสิร์ฟลูกใหม่ ดังนั้นผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะต้องระมัดระวังไม่ให้ลูกกระทบเข้ากับตาข่ายเป็นอันขาด

สำหรับการแข่งขันกีฬาปิงปอง ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ประเภทแรกจะเป็นการแข่งขันแบบเดียว ส่วนอีกประเภทเป็นการแข่งขันแบบคู่ ส่วนกติกาการนับคะแนน หากผู้เล่นคนไหนก็ตามไม่ปฏิบัติตามกติกา หรืออาจจะพลาดพลั้งทำผิดกติกาด้วยความไม่ตั้งใจ จะต้องโดนตัดสินให้เสียคะแนนเช่นเดียวกัน หากผู้เล่นฝ่ายไหนสามารถสะสมคะแนนครบ 11 คะแนนก่อน ถือว่าเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้สำเร็จ ยกเว้นในกรณีที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมี 10 คะแนนเทียบเท่ากัน การแข่งขันจะต้องดำเนินต่อไปอีกเรื่อยๆ กระทั่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำออกห่าง 2 คะแนน ถึงจะกลายเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะโดยสมบูรณ์แบบ